ข่าวจากกรมสรรพากร รายงาน นางสมหมาย ศิริอุดมเศรษฐ ที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์การจัดเก็บภาษี (กลุ่มธุรกิจพลังงาน) ในฐานะโฆษกกรมสรรพากร เปิดเผยว่า “ตั้งแต่วันที่ 1 พฤษภาคม 2563 เป็นต้นไป กรมสรรพากรพร้อมให้บริการคืนเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านระบบพร้อมเพย์ ซึ่งเป็นการสนับสนุนการทำธุรกรรม digital ให้เดินหน้า อย่างต่อเนื่อง และเป็นอีกหนึ่งช่องทางของผู้เสียภาษีในการขอรับเงินคืนนอกจากการรับคืนเป็นเช็คหรือการรับโอนผ่านบัญชีธนาคาร
โดยการคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลสำหรับนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
1. เป็นนิติบุคคลที่มีพร้อมเพย์
2. มีเงินคืนภาษีไม่ถึง 100 ล้านบาท
3. ไม่เปลี่ยนแปลงสถานะนิติบุคคล
สำหรับนิติบุคคลที่มีคุณสมบัติครบถ้วนและได้สมัครลงทะเบียนพร้อมเพย์แล้ว กรมสรรพากร จะพิจารณาคืนเงินเข้าบัญชีเงินฝากธนาคารที่ผูกไว้กับเลขทะเบียนนิติบุคคล 13 หลัก ส่วนนิติบุคคลอื่นๆ ที่ไม่เข้าเงื่อนไขดังกล่าวข้างต้น กรมสรรพากรจะยังคืนเป็นเช็ค หรือโอนผ่านบัญชีธนาคาร ซึ่งเป้าหมายในอนาคตจะมีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการคืนเงินภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านระบบพร้อมเพย์แทนการคืนเงินเป็นเช็คหรือโอนผ่านบัญชีธนาคารทุกราย เพื่อสนับสนุนนโยบายการชำระเงินแบบอิเล็กทรอนิกส์แห่งชาติ (National e-Payment) ลดต้นทุนการทำธุรกรรมทั้งภาครัฐและเอกชน เพิ่มความสะดวก และความปลอดภัยในการให้บริการ โดยช่องทางการลงทะเบียนสมัครพร้อมเพย์ เพียงเตรียมเอกสารและติดต่อธนาคารที่บริษัทท่านมีบัญชีอยู่”
โฆษกกรมสรรพากรกล่าวเพิ่มเติมว่า “การคืนภาษีเงินได้นิติบุคคลผ่านระบบพร้อมเพย์จะช่วยอำนวยความสะดวก และเพื่อความปลอดภัยในช่วงสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรน่า 2019 (COVID-19) ในขณะนี้ เพื่อลดการติดต่อกันในระหว่างการทำธุรกรรม เว้นระยะห่างทางสังคม (Social Distancing) และหวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยสนับสนุนให้ทุกคนอยู่ที่บ้าน สนับสนุนแนวคิด “อยู่บ้านหยุดเชื้อ เพื่อชาติ” ของรัฐบาลต่อไป”
ทั้งนี้ สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.rd.go.th หรือสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์สารนิเทศสรรพากร (RD Intelligence Center) โทร. 1161 หรือที่สำนักงานสรรพากรทุกแห่งทั่วประเทศ
มูลค่าการส่งออกสินค้า
หดตัวร้อยละ 2.2 จากระยะเดียวกันปีก่อน หากไม่รวมการส่งออกทองคำ มูลค่าการส่งออกหดตัวที่ร้อยละ 6.5 โดยเป็นการหดตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับเดือนก่อนและเป็นการหดตัวในหลายหมวดสินค้า โดยเฉพาะยานยนต์และชิ้นส่วน เครื่องจักรและอุปกรณ์ และสินค้ากลุ่มที่มูลค่าเคลื่อนไหวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก ส่วนหนึ่งเป็นผลจากมาตรการปิดเมืองในหลายประเทศ ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจและอุปสงค์ของประเทศคู่ค้าลดลงมาก ประกอบกับราคาส่งออกหดตัวตามราคาน้ำมันดิบในตลาดโลก อย่างไรก็ดี การส่งออกในบางหมวดสินค้ายังขยายตัวได้ อาทิ อิเล็กทรอนิกส์ สินค้าเกษตรแปรรูป และเครื่องใช้ไฟฟ้า
เครื่องชี้การบริโภคภาคเอกชน หดตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน ตามการใช้จ่ายในเกือบทุกหมวด จากปัจจัยสนับสนุนกำลังซื้อภาคครัวเรือนที่อ่อนแอลง ทั้งในด้านรายได้ การจ้างงาน และความเชื่อมั่นผู้บริโภค รวมทั้งเป็นผลจากมาตรการควบคุมและความกังวลต่อโรค COVID-19 ซึ่งทำให้การเดินทางและการใช้จ่ายนอกบ้านลดลง โดยมีเพียงการใช้จ่ายในหมวดสินค้าอุปโภคบริโภคที่จำเป็นและการใช้ไฟฟ้าที่ขยายตัวได้ ทั้งนี้ การผลิตภาคอุตสาหกรรม หดตัวสูงขึ้นสอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง
เครื่องชี้การลงทุนภาคเอกชนหดตัวสูงขึ้นจากระยะเดียวกันปีก่อน จากการลงทุนทั้งในหมวดเครื่องจักรและอุปกรณ์และหมวดก่อสร้าง สอดคล้องกับอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่อ่อนแอลง รวมทั้งความเชื่อมั่นของภาคธุรกิจที่ลดลงต่อเนื่องตามสถานการณ์การระบาดของ COVID-19 ที่รุนแรงขึ้น
มูลค่าการนำเข้าสินค้ากลับมาขยายตัวร้อยละ 4.4 จากระยะเดียวกันปีก่อน หลังจากที่หดตัวสูงในเดือนก่อนหน้า หากไม่รวมการนำเข้าทองคำ มูลค่าการนำเข้าขยายตัวที่ร้อยละ 1.3 ตามการนำเข้าสินค้าวัตถุดิบและสินค้าขั้นกลาง โดยเฉพาะการนำเข้าจากจีน จากการผ่อนคลายมาตรการการปิดเมือง ส่งผลให้การนำเข้าสินค้าบางกลุ่มกลับมาขยายตัว ประกอบกับการนำเข้าน้ำมันดิบขยายตัว ตามคำสั่งซื้อที่ตกลงไว้ก่อนการระบาดของ COVID-19 อย่างไรก็ดี การนำเข้าสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าทุนยังคงหดตัว สอดคล้องกับกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่อ่อนแอ
การใช้จ่ายภาครัฐที่ไม่รวมเงินโอน กลับมาขยายตัวจากระยะเดียวกันปีก่อน เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน ตามการทยอยเบิกจ่ายภายหลังการประกาศใช้ พ.ร.บ. งบประมาณปี 2563 เป็นหลัก โดยรายจ่ายประจำขยายตัวตามการเบิกจ่ายเพื่อซื้อสินค้าและบริการ และการเบิกจ่ายค่าตอบแทนบุคลากร ขณะที่รายจ่ายลงทุนขยายตัวจากการเบิกจ่ายทั้งในส่วนของรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ
ธนาคารจึงขอเชิญชวนประชาชนร่วมเป็นส่วนหนึ่งในแคมเปญนี้ เพียงร่วมโพสแนะนำร้านอาหารข้างทางที่ประทับใจลงในโซเชียลมีเดีย บอกที่ตั้งของร้าน รีวิวเมนูเด็ดสั้นๆ และใส่เบอร์โทรศัพท์ที่เป็นช่องทางในการสั่งอาหาร พร้อมติด Hashtag #ร้านข้างทางต้องอยู่ข้างกัน เพื่อเป็นอีกหนึ่งแรงผลักดันในการกระจายข่าวให้บรรดาร้านอาหารเล็ก ๆ เหล่านี้ สามารถอยู่รอดและผ่านพ้นวิกฤติโควิด-19 ไปด้วยกัน
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป